วันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

การใช้คอมพิวเตอร์เพื่อฝึกทักษะทางภาษา


ซอพท์แวร์การเรียนรู้ภาษาต่างประเทศด้วยตนเอง


การใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ นั้นต้องอาศัยซอพท์แวร์ที่จัดทำขึ้นมาอย่างดีสำหรับเรียนรู้ภาษาต่างประเทศได้ด้วยตนเอง เพียงแต่รู้เทคนิควิธีใช้ โดยทั่วไปซอพท์แวร์ได้จัดเตรียมส่วนที่ให้ความช่วยเหลือในการใช้งานไว้แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งซอพท์แวร์ที่จัดทำโดยบริษัทแฟร์ไชด์ชื่อ โรเซตต้า สโตน (Rosetta Stone) เป็นซอพท์แวร์เรียนรู้ภาษาต่างประเทศที่ดีมากที่สุดชุดหนึ่ง ซึ่งได้ผลิตออกมาสำหรับเรียนรู้เกือบทุกภาษาที่นิยมใช้กันในโลกนี้รวมทั้งภาษาไทย และมหาวิทยาลัยของเราก็ได้ชื้อซอพท์แวร์ชุดนี้มาใช้นานแล้ว ลองติดต่อยืมมาใช้ได้นะครับ เช่นมีภาษาอังกฤษ จีน ญี่ปุ่น และ อินโดนีเซีย
รุ่นหรือเวอร์ชั่นที่มหาวิทยาลัยมีอยู่คือThe RosettaStone 2.0.1.8A ประกอบด้วยแผ่นซีดีรอมสำหรับติดตั้งเป็นกรอบหรือทางวิ่งในการเรียนรู้ภาษาได้ทุกภาษาเมื่อติดตั้งแล้วก็เพียงแต่ใส่แผ่นซอพท์แวร์ภาษาที่จะเรียนรู้ลงไปในซีดีรอม จะเรียนรู้ภาษาอังกฤษก็ใส่แผ่นภาษาอังกฤษ จะเรียนรู้ภาษาจีนก็ใส่แผ่นภาษาจีน โดยทั่วไปในแต่ละภาษาจะแบ่งออกเป็น 3 ระดับคือ ระดับ1 เป็นขั้นพื้นฐาน ระดับ2 เป็นขั้นกลาง ระดับ3 เป็นขั้นก้าวหน้า ก็เลือกใช้ตามความเหมาะสมได้ในแต่ละระดับนั้นสามารถฝึกทักษะทางภาษาได้ทั้ง 4 ทักษะคือการอ่าน การฟัง การพูดและ การเขียน หลักการนำเสนอในการเรียนรู้ของภาษาจะใช้วิธีการธรรมชาติแบบ Wholelanguage มากกว่าที่จะสอนให้ท่องจำคำศัพท์และไวยากรณ์ แต่จะใช้วิธีการที่กำหนดบทเรียนให้ผู้เรียนใช้ภาพเป็นสื่อในการเข้าใจคำศัพท์และประโยคภาษาอังกฤษรวมทั้งการสนทนา
ในแต่ละระดับจะประกอบด้วยหน่วย (unit) การเรียนรู้แต่ละหน่วยการเรียนรู้ประกอบด้วยบทเรียน (lesson) แต่ละบทเรียนจะประกอบด้วยแบบฝึกหัด (exercise) เช่นในระดับ 1 (level1) ของภาษาอังกฤษจะประกอบด้วย 8 หน่วย แต่ละหน่วยจะมีบทเรียนไม่น้อยกว่า 10 บทเรียนแต่ละบทเรียนมีแบบแบบฝึกหัดตั้งแต่ 1-4 แบบฝึกหัด และทุกบทเรียนจะมีแบบฝึกหัดให้ฝึกได้ทั้ง 4 ทักษะ การทำแบบฝึกหัดในแต่ละทักษะจะมีคะแนนบอกให้ทราบว่าได้คะแนนร้อยละเท่าใด สำหรับทักษะการพูดจะมีให้ฝึกทุกบทเรียน และจะมีเข็มมีเตอร์คล้ายมีเตอร์หน้าปัดรถยนต์ ที่แถบทางซ้ายสีแดง ตอนกลางสีเหลือง และทางขวาสีเขียว หลังจากผู้เรียนพูดตามเสียงที่ได้ยินถ้าเข็มชี้ที่แถบสีแดงแสดงว่ายังพูดไม่เหมือน เข็มชี้ที่แถบสีเหลืองแสดงว่าพูดเหมือนปานกลาง เข็มชี้ที่แถบสีเขียวแสดงว่าพูดเหมือนมากถ้าพูดกับชาวต่างประเทศเขาคงฟังรู้เรื่องแน่
สำหรับการฝึกทักษะการเขียนจะมีสองลักษณะคือ ให้เขียนตาคำบอกคือจากเสียงที่ได้ยิน และภาพที่เห็น กับอีกแบบหนึ่งจากเสียงที่ได้ยินและ คำภาษาอังกฤษและเครื่องหมายวรรคตอนสามารถลากมาจัดเรียงเป็นประโยคในช่องที่กำหนดให้เขียน โดยมีปุ่มตรวจสอบว่าที่เขียนหรือพิมพ์ไว้ถูกหรือไม่ และมีปุ่มสำหรับตั้งว่าแบบง่ายที่ไม่เข้มงวดเรื่องเครื่องหมายวรรคตอน และตัวพิมพ์เล็กพิมพ์ใหญ่ หรือจะกำหนดให้ถูกต้องทุกอย่างก็ได้
ลักษณะที่ดีอีกอย่างของซอพท์แวร์ชุดนี้คือมีแบบทดสอบให้ผู้เรียนด้วยว่าเรียนรู้เข้าใจเพียงใด สามารถตั้งเวลาในการเปลี่ยนข้อสอบ ตั้งหน่วงเวลาเสียงพูดให้ช้าเร็วขึ้น ปกติแล้วซอพท์แวร์ตั้งอัตราเสียงพูดตามปกติไว้ ในการรายงานผลถ้าผู้เรียนล็อกอินใส่ชื่อผู้ใช้ไว้ในส่วนการตั้งค่า (setting) เมื่อทดสอบแต่ละบทเรียนซอพท์แวร์จะบันทึกผลการทดสอบ เช่นทดสอบหน่วยใด บทเรียนใด ใช้เวลานานเท่าใด ชื่อผู้ทดสอบ สามารถเรียกดูคะแนน (view score)ได้


http://www.nstru.ac.th/portal/news/show_news.php?id=10242

วันพุธที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

เริ่มต้นใช้บล็อค

1.บล็อคคืออะไร
ความหมายของคำว่า Blog ก็คือการบันทึกบทความของตนเอง ( Personal Journal) ลงบนเว็บไซต์ โดยเนื้อหาของ Blog นั้นจะครอบคลุมได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวส่วนตัว หรือเป็นบทความเฉพาะด้านต่าง ๆ เช่น เรื่องการเมือง เรื่องกล้องถ่ายรูป เรื่องกีฬา เรื่องธุรกิจ เป็นต้น โดยจุดเด่นที่ทำให้บล็อกเป็นที่นิยมก็คือ ผู้เขียนบล็อก จะมีการแสดงความคิดเห็นของตนเอง ใส่ลงไปในบทความนั้น ๆ โดยบล็อกบางแห่ง จะมีอิทธิพลในการโน้มน้าวจิตใจผู้อ่านสูงมาก แต่ในขณะเดียวกัน บางบล็อกก็จะเขียนขึ้นมาเพื่อให้อ่านกันในกลุ่มเฉพาะ เช่นกลุ่มเพื่อน ๆ หรือครอบครัวตนเอง มีหลายครั้งที่เกิดความเข้าใจกันผิดว่า Blog เป็นได้แค่ไดอารี่ออนไลน์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไดอารี่ออนไลน์เปรียบเสมือน เนื้อหาประเภทหนึ่งของบล็อกเท่านั้น เพราะบล็อกมีเนื้อหาที่หลากหลายประเภท ตั้งแต่การบันทึกเรื่องส่วนตัวอย่างเช่นไดอารี่ หรือการบันทึกบทความที่ผู้เขียนบล็อกสนใจในด้านอื่นด้วย ที่เห็นชัดเจนคือ เนื้อหาบล็อกประเภท วิจารณ์การเมือง หรือการรีวิวผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ตัวเองเคยใช้ หรือซื้อมานั่นเอง อีกทั้งยังสามารถแตกแขนงไปในเนื้อหาในประเภทต่าง ๆ อีกมากมาย ตามแต่ความถนัดของเจ้าของบล็อก ซึ่งมักจะเขียนบทความเรื่องที่ตนเองถนัด หรือสนใจเป็นต้น จุดเด่นที่สุดของ Blog ก็คือ มันสามารถเป็นเครื่องมือสื่อสารชนิดหนึ่ง ที่สามารถสื่อถึงความเป็นกันเองระหว่างผู้เขียนบล็อก และผู้อ่านบล็อกที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย ที่ชัดเจนของบล็อกนั้น ๆ ผ่านทางระบบ comment ของบล็อกนั่นเอง สรุปให้ง่าย ๆ สั้น ๆ ก็คือ Blog คือเว็บไซต์ที่มีรูปแบบเนื้อหาเป็นเหมือนบันทึกส่วนตัวออนไลน์ แต่มีส่วนของการ comments และก็จะมี link ไปยังเว็บอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอีกด้วย

2.ประโยชน์ของบล็อคคืออะไร
ประโยชน์ของ Blog สามารถแยกได้เป็นข้อๆ ดังนี้ 1. เป็นสื่อที่ใช้แสดงความคิดเห็นความรู้สึกของผู้เขียนเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ เพื่อเสนอให้ผู้คนสาธารณได้รับรู้ 2. เป็นแหล่งความรู้ใหม่ที่ถูกต้องและชัดเจนจากผู้ที่มีความรู้เฉพาะด้านนั้นๆ เนื่องจากผู้เขียน Blog มักจะเขียนเรื่องที่ตนถนัด ชอบและมีความรู้สึกในเรื่องนั้น 3. ทำให้ทันต่อเหตุการณ์ในโลกปัจจุบัน เพราะข่าวสารความรู้มาจากผู้คนมากมาย และมักจะเปลี่ยนแปลงทันต่อเหตุการณ์ปัจจุบันเสมอ 4. เป็นเครื่องมือที่ใช้ในธุรกิจ เช่น การโฆษณา ประชาสัมพันธ์ การเสนอข่าวสารความเคลื่อนไหวขององค์กร เป็นต้น

3.ตัวอย่างของบล็อค (รูปภาพ)






4.จงเขียนชื่อผู้ใหบริการบล็อกในประเทศไทย
Blognone บล็อกสำหรับเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับเทคโนโลยีอย่างเดียว
เอ็กซ์ทีน
GotoKnow
learners.in.th
บล็อกแก๊ง
โอเคเนชั่น


5.จงเขียนชื่อผู้ให้บริการบล็อกต่างประเทศ
6.บล็อกมีส่วนประกอบที่สำคัญอะไรบ้าง
· ชื่อบล็อก (ฺBlog Title)
ส่วนของ Blog Title นี้ก็จะเป็นชื่อของบล็อกนั้น ๆ
. วันที่และเวลา (Date & Time Stamp)
เป็นวันที่ และมีเวลากำกับอยู่ด้วย ตัววันที่และเวลานี้ จะเป็นตัวบอกว่าบทความในบล็อกนั้นเขียนขึ้นมาเมื่อไหร่
· ชื่อบทความ (Entry Title)
ชื่อเรื่องของบทความที่เขียนในบล็อก
· ตัวเนื้อหาบทความ (Entry’s Main Body)อาจเป็นตัวหนังสือ หรืออาจเป็นรูปภาพ video หรือ Animation โดยส่วนประกอบ เหล่านี้จะรวมเป็นเนื้อหาของบทความนั้น ๆ

· คอมเม้นต์ (Comment tag)เป็นลิงค์ที่ให้ผู้อ่านคลิกไปเพื่อกรอก Comment ให้กับบล็อกนั้น ๆหรืออ่าน Comment ที่มีคนเขียน Comment เข้ามา

· ปฏิทิน (Calendar)บล็อกบางแห่งอาจมีปฏิทินอยู่ด้วยโดยใน ปฏิทินนั้นสามารถคลิกตามวันที่เพื่ออ่าน บทความของวันที่นั้น ๆ ได้สะดวกครับ
บทความย้อนหลัง (Archives) บทความเก่า หรือบทความย้อนหลังอาจมี การจัดเตรียมไว้โดยเจ้าของบล็อกโดยบล็อก แต่ละแห่งอาจจัดเรียง บท ความย้อนหลังไม่ เหมือนกันเช่นจัดเรียงรายเดือน รายสัปดาห์ หรือจะ list บทความทั้งหมดออกมาเลยก็ได้


7.จากการเรียนการสอนในวันนี้สิ่งที่นักศึกษาได้คือ
7.1 E-Mail Address
7.2 WEB BLOG
8.ให้นักศึกษาอธิบายวิธีการสร้างBLOGมาอย่างละเอียด
1.เข้าไปที่ http://www.blogger.com/จะแสดงหน้าจอแบบนี้ ให้คลิกที่ สร้างเว็บบล๊อกของท่านเดี๋ยวนี้
2.เมื่อท่านคลิกนี้ จะปรากฎเป็นรูปเว็บบล็อก
3. ให้ใส่รายละเอียด-ที่อยู่อีเมล : (จากที่ท่านได้สมัคร Gmail มาแล้วก่อนหน้านี้)-Enter Password : (ใส่รหัสผ่าน)-พิมพ์รหัสผ่านอีกครั้ง-Displya name (ตั้งชื่อที่จะให้แสดงตอนโพสเว็บบล็อก)-พิมพ์ตามอักษรที่ปรากฎให้ถูกต้อง-คลิกดำเนินต่อไป
4.จากนั้นให้ตั้งชื่อ เว็บบล็อกของท่าน-คลิกที่ตรวจสอบ เพื่อตรวจเช็คดูว่า มีใครใช้ชื่อนี้ไปหรือยัง ถ้ามีแล้วระบบจะแจ้งเตือนว่าใช้ไม่ได้ และจะมีตัวเลือกให้เราโดยอัตโนมัต ถ้าชอบใจตัวไหน ก็คลิกที่ชื่อด้านล่างตัวนั้นได้ แต่ถ้าต้องการชื่ออื่นอีกก็ตรวจสอบจนกว่าจะได้ชื่อที่คุณพอใจ เมื่อได้ชื่อตามที่ต้องการแล้ว คลิกที่ ดำเนินต่อไป
5.จากนั้นจะเข้าสู่การเลือกแม่แบบว่า เราต้องการเว็บบล็อกรูปแบบไหน มีให้เลือกมากมายตามต้องการสามารถคลิกเพื่อดูตัวอย่างแม่แบบได้ เมื่อได้แม่แบบตามที่เราชอบแล้ว คลิกที่ ดำเนินต่อไปต่อไปกดเริ่มต้นการส่งบทความทำความเข้าใจก่อนนะครับว่า Google AdSense ยังไม่รองรับเว็บไซต์ภาษาไทย แต่ในอนาคตคาดว่า ทาง Google AdSense จะยอมรับเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาที่เป็นภาษาไทย ดังนั้น ควรนำเว็บบล็อกที่มีเนื้อหาภาษาอังกฤษมาทำการสมัครให้ผ่านก่อน โดยไปหาเนื้อหาภาษาอังกฤษ ได้ที่นี่ โดยคุณควรจะเลือกทำเรื่องใดเรื่องหนึ่ง